ล่องไพรในซานฟรานซิสโก บอกเลยสายรักษ์โลกต้องมา - LIV | dtac
“สหรัฐอเมริกา” ประเทศที่นักท่องเที่ยวแดนสยามหลายคนคงอยากจะไปเหยียบสักครั้ง เพราะเห็นกันมาตั้งแต่วัยกระเตาะจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดสารพัดเรื่อง ซึ่งนอกจากเมืองชื่อดังอย่างนิวยอร์กที่โดนเอเลี่ยนถล่มมาให้เห็นไม่รู้กี่สิบรอบ “ซานฟรานซิสโก” ก็เป็นอีกเมืองที่หลายคนน่าจะเล็งอยากจะไปไม่แพ้กัน เพื่อหวังจะได้ชมสะพาน Golden Gate สีแดงสดลอยอยู่เหนือทะเลหมอก ท่าเรือหมายเลข 39 ที่เต็มไปด้วยร้านรวงสีสันสดใส และฝูงสิงโตทะเลนอนตีพุงตากแดด
แต่ที่กล่าวมามันก็แค่สถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้เราเลยอยากจะพาคุณออกไปทัวร์ให้เห็นอีกด้านหนึ่งของซานฟรานฯ ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก เป็นด้านที่เต็มไปด้วยธรรมชาติเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ให้สูดจนชุ่มปอด งงใช่ไหมล่ะว่าซานฟรานฯ มีมุมนี้ด้วยเหรอ? งั้นมาพิสูจน์ด้วยตาคุณเลย
ผู้ที่รักการขึ้นเขาลงห้วย กรุณาจำชื่ออนุสาวรีย์แห่งชาติ Muir Woods เอาไว้ให้แม่น ที่นี่คือคืออุทยานที่ใกล้ตัวเมืองซานฟรานซิสโกที่สุดแล้วในแถบนี้ แต่ถึงจะบอกว่าใกล้ก็ต้องใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองซานฟรานซิสโกประมาณชั่วโมงกว่าจะถึงประตูทางเข้าอุทยาน โดยต้องขับข้ามสะพานสีแดง Golden Gate แล้วตรงไปขับฉวัดเฉวียนเลียบภูเขาอีกพักใหญ่ ซึ่งการเดินทางมาที่นี่มีวิธีเดียวคือนั่งรถมา จะเป็นรถเพื่อน รถเช่า หรือรถทัวร์ก็ได้ ซึ่งใครอยากใช้บริการรถทัวร์ก็สามารถหาทัวร์ครึ่งวันได้ไม่ยากจากอินเทอร์เน็ต ตกราคาเหยียบ 2,000 บาทนิด ๆ ซึ่งรถจะพาคุณมาส่งและจอดรอให้คุณเดินชมอุทยานได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
Muir Woods ได้รับการตั้งชื่อตามนักอนุรักษ์ชาวอเมริกันนามว่า John Muir ผู้ที่ช่วยแนะนำให้เจ้าของที่ William Kent ยื่นเรื่องกับรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ขึ้นทะเบียนพื้นที่ในส่วนนี้เพื่อรักษาผืนป่าที่เขารักให้คงอยู่ต่อไป จนทำให้มันได้รับการประกาศเป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 และช่วยปกป้องธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ให้พ้นจากเงื้อมมือเหล่าบริษัทเอกชนมาได้นานกว่า 100 ปีแล้ว
ทันทีที่ก้าวขาลงจากรถสู่ประตูอุทยาน คุณจะสัมผัสได้ถึงอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายถาโถมเข้าใส่จนเต็มปอด สภาพอากาศที่นี่ร่มรื่นมากจนถึงขั้นแอบหนาวเลยทีเดียว แต่ก่อนจะเดินสูดอากาศเพลินเข้าอุทยานอย่าลืมจ่ายต่าตั๋วกันซะก่อน ที่นี่ค่าเข้าไม่แพง แค่ 15 เหรียญเท่านั้น สามารถซื้อได้จากป้อมที่หน้าทางเข้าเลย ซึ่งใครซื้อทัวร์มาแล้วส่วนใหญ่ก็จะแถมตั๋วมาให้เลย
ใครที่คิดจะเดินชิล ๆ ชมป่าที่นี่นาน ๆ แนะนำให้พกเสื้อกันหนาว (แบบกันน้ำได้) มาด้วยจะดีกว่า เพราะความหนาแน่นของต้นไม้และสภาพอากาศในนี้ทำให้ป่าแห่งนี้ชุ่มชื้นมาก แล้วก็ระวังมือถือในมือกันหน่อย เดินถ่ายรูปเพลิน ๆ ก็มีสิทธิ์โดนน้ำค้างเม็ดเบ้อเริ่มหยดใส่จอได้ ส่วนใครอยากได้อะไรอุ่น ๆ ช่วยคลายหนาวให้ร่างกาย ก็มีตัวช่วยให้คือร้านกาแฟท่ามกลางหมู่ไม้ที่อยู่ใกล้ประตูอุทยาน ตัวร้านดูเหมือนกระท่อมกลางป่ามากกว่า ได้ฟีลรักษ์โลกสุด ๆ
สภาพป่าของที่นี่จะต่างจากป่าดิบชื้นในบ้านเราลิบลับ ทุกอณูในป่าชุ่มไปด้วยละอองน้ำซึ่งจับตัวอยู่ทุกที่ ทำให้เดินไปตรงไหน จับอะไร ก็เย็นมือไปหมด โดยต้นไม้ส่วนใหญ่ของที่นี่ก็คือต้น Coast Redwood สูงชลูดแตะขอบฟ้าแบบเพลงพี่ตูน ทุกต้นเรียงสลับฟันปลายาวไกลสุดลูกหูลูกตา มองไปทางไหนก็เห็น ที่น่าทึ่งคือต้นไม้ส่วนใหญ่ที่นี่อายุมากกว่า 700 ปี ส่วนต้นเก่าแก่ที่สุดมีอายุมากถึง 1,200 ปีเลยทีเดียว แต่ละต้นใหญ่ยักษ์จนคนสองสามคนโอบไม่รอบ บางต้นมีโพรงกลางลำต้นขนาดใหญ่จนเอาผู้ใหญ่เข้าไปยืนข้างในกัน 2 คนได้สบาย ๆ
นอกจากต้น Redwood ยักษ์ ก็จะมีพืชจำพวกเฟิร์นและมอสนี่แหละที่กระจายอยู่ทั่วไปหมดจนทำให้มองไปตรงไหนก็มีแต่สีเขียว แม้แต่พื้นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยใบเขียวของพืชหลากชนิดจนแทบมองไม่เห็นพื้นดิน ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้ย้อนยุคมาสู่ป่าดึกดำบรรพ์แบบฉากในภาพยนตร์ The Lost World: Jurassic Park หรือถ้าใครเป็นแฟนภาพยนตร์แนวไซไฟแฟนตาซีนี่ต้องนึกถึงฉากป่าตุ๊กตาหมีในตอนท้ายของ Return of the Jedi แน่นอน
ความดีงามของ Muir Woods คือเขาถางทางเดินเอาไว้ให้นักเที่ยวมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีที่กั้น เดินง่าย เข้าใจง่าย และไม่ไปทำความเสียหายให้กับระบบนิเวศน์ในนั้น นอกจากนี้ ทางเดินชมอุทยานยังได้รับการออกแบบมาให้เป็นทรงครึ่งวงกลมใหญ่ ๆ ดังนั้นคุณสามารถเดินตรงไปเรื่อย ๆ ได้แบบไม่ต้องคิดอะไร ถ่ายรูปกินลมชมวิวได้อย่างไม่ต้องสนใจโลกเพราะเดี๋ยวมันก็พาคุณวนกลับมาที่ประตูทางเข้าเอง (แค่อย่าออกนอกลู่นอกทางเป็นพอ เดี๋ยวได้หลงป่าที่อเมริกา) ซึ่งทางเดินชมป่าก็จะมีทั้งทางเดินระดับพื้นดินและทางเดินริมเนินเขาให้เห็นความยิ่งใหญ่ของป่าจากทั้ง 2 มุมด้วย
ใครชอบเดินชิล ๆ ชอบความสงบของธรรมชาติรับรองว่าเดินที่นี่เพลินเกินค่อนวันแน่ ๆ เพราะที่นี่อากาศดี วิวก็สวย แถมยังมีอากาศเย็นจากไอน้ำอีกต่างหาก ถึงแม้ทุกมุมจะมีแต่ความเขียวแต่ก็มีอะไรให้ดูได้ไม่เบื่อ ทั้งต้นไม้สูง ลำธาร น้ำตกเล็ก ๆ ต้นไม้รูปร่างประหลาด ซุงใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้ามอสสีเขียว สายรักโลกลองมาที่นี่ดูแล้วจะพบว่าคุ้มค่ารถ คุ้มค่าตั๋ว และคุ้มกับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน ไม่สิ… ต้องเรียกว่า “เกินคุ้ม” เลยจะเหมาะกว่า
เรื่องหนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวนอกตัวเมืองซานฟรานซิสโกก็คือการติด ซิมโรมมิ่ง มาด้วย เพราะมันจะทำให้ชีวิตคุณสบายขึ้นมาก ใช้ตั้งแต่ส่งอีเมลไปถามทัวร์ว่าจุดขึ้นรถอยู่ตรงไหน เช็คสภาพอากาศว่าวันพรุ่งนี้ฝนจะตกหรือเปล่า หาร้านขายของกินสำหรับพกไปเป็นมื้อเที่ยง ฯลฯ พูดง่าย ๆ คือช่วยให้คุณมีชีวิตรอดในทริปไปได้โดยง่าย ซึ่งหากใครไม่อยากไปเดินหาซิมแพง ๆ ที่อเมริกาก็ไปซื้อซิมโรมมิ่งไปจากบ้านเราเถอะ อย่าง ซิม GO INTER ที่รองรับการใช้งานในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ GO INTER PLUS ที่ราคาแค่ 499 บาท ให้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ตั้ง 5GB แล้วยังแถมประกันเดินทางต่างประเทศครอบคลุมระยะเวลา 10 วันมาให้ด้วยนะ เลอค่าควรมีติดตัวไว้อย่างยิ่ง นักผจญภัยที่อยากไปลุยซานฟรานฯ พกไว้เถอะ แล้วทริปของคุณจะราบรื่นขึ้นอีกเยอะ!
บทความแนะนำ