เวลาไปเมืองนอก หลายคนกังวลเรื่องการใช้ภาษาใช่มั้ยคะ ยิ่งตรง ตม. หรือด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีเจ้าหน้าที่หน้าเข้ม ๆ คอยซักถามโน่นนี่ยิ่งดูน่ากลัว ไม่ต้องกังวลค่ะ วันนี้เรามีคำแนะนำ คำศัพท์ และตัวอย่างบทสนทนาที่ใช้บ่อย ๆ เวลาตอบคำถามเจ้าหน้าที่ ตม. มาให้แล้ว แค่ทำความคุ้นเคยกับมันสักหน่อย รับรองว่าคุณจะสามารถผ่านด่านนี้ไปได้อย่างแน่นอน
พร้อมแล้ว...ลุยกันเลย!
หลังจากลงจากเครื่องมาแล้วให้เดินตามป้ายที่ชี้บอกทางไป Immigration เมื่อไปถึงให้เข้าแถวรอ พอถึงคิว สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่จะขอดูคือ พาสปอร์ต (Passport) และเอกสารเดินทางต่าง ๆ เช่น ใบ ตม. หรือ บัตรขาเข้า (Arrival Card) “May I see your passport, please?” หรือ “Passport and arrival card, please”
ให้ตอบว่า “Here you are” หรือ “Here it is” (อยู่นี่ค่ะ/ครับ) แล้วก็ยื่นเอกสารให้ไป
หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่คำถามพื้นฐานต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ (อาจไม่เรียงตามนี้เป๊ะ ๆ นะคะ)
1. ถาม วัตถุประสงค์ ในการมา เช่น “What is the purpose of your visit?”
คำตอบก็มีไม่กี่อย่าง เช่น มาเที่ยว (Tourism) มาทำงาน (Business) หรือ มาเรียน (Study)
ถ้ามาเที่ยว ตอบสั้น ๆ ว่า “I am here for vacation”
ถ้ามาเรื่องงานหรือธุรกิจ ตอบว่า “I am here on a business trip”
ถ้ามาเรียน ก็ตอบไปตามจริง เช่น “I am here to study English for 3 weeks” (ฉันมาเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลา 3 สัปดาห์)
2. ถามว่า พักที่ไหน “Where will you be staying?” หรือ “What is the address of your hotel?” (ที่อยู่ของโรงแรมคืออะไร)
ถ้าให้ง่าย คือเซฟที่อยู่โรงแรมไว้ในมือถือหรือจดใส่กระดาษไว้ก่อน พอเขาถามก็ยื่นให้ดูไปเลย แต่ถ้าไม่มี ก็บอกชื่อโรงแรมที่พักไปค่ะ เช่น “I am staying at the … (ชื่อโรงแรม) hotel”
3. จะอยู่นานแค่ไหน เช่น “How long do you plan/intend to stay?” “How long will you be staying here?”
ตอบไปตามจริงค่ะ เช่น “I am staying for 3 weeks”
4. มีตั๋วขากลับหรือยัง “Do you have a return ticket?”
ตอบว่า “Yes, I have booked a return ticket (ถ้าจะให้ดีก็โชว์ e-ticket ให้ดูไปด้วย)
5. ทำงานอะไร เช่น “What is your profession/occupation?” “What is your job?” “What do you do for a living?”
ถ้าเป็นนักเรียนก็บอกว่า “I am a student”
ถ้าทำงานแล้ว ก็บอกอาชีพไปค่ะ “I am a doctor/teacher/engineer”
6. มากันกี่คน มาคนเดียวหรือมากับใคร เช่น “Are you traveling alone?” ถ้ามาคนเดียว ตอบว่า “Yes, I am alone”
ถ้ามีคนอื่นมาด้วยก็บอกไป เช่น มากับพี่สาว พ่อแม่ เพื่อน สามี “No, I am travelling with my sister/parents/friends/husband”
7. มีญาติหรือคนรู้จักที่นี่หรือเปล่า เช่น “Do you have any acquaintances/family here?” “Do you know anyone currently living here?”
ถ้าไม่มี ตอบว่า “No, I don’t”
ถ้ามี ก็บอกว่ามี “Yes, I do. I have a cousin/uncle who lives here” (ยังไงก็เตรียมตอบข้อมูลพื้นฐานของคน ๆ นี้ไว้ด้วยนะคะ เช่น ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ เพราะเป็นไปได้ว่าอาจมีคำถามเพิ่มเติม)
8. เคยมาที่นี่หรือยัง เช่น “Have you ever been here before?”
ถ้าไม่เคยก็ตอบว่า “No, it is my first time here”
ถ้าเคยก็ตอบสั้น ๆ ไปว่า เคย อาจให้รายละเอียดนิดหน่อยว่า มาครั้งสุดท้ายเมื่อไร เช่น “Yes, about 2 years ago”
บางสนามบิน พอถามเสร็จ อาจขอถ่ายรูปเราไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะบอกให้เรามองกล้อง เช่น “Please look into the camera” หรือ “Please turn to the camera” หรือบางแห่งขอสแกนลายนิ้วมือ เช่น “Please place your thumb on the fingerprint reader” (ช่วยวางหัวแม่มือบนเครื่องอ่านลายนิ้วมือด้วย) เราสามารถตอบรับสั้น ๆ ว่า “Ok, sure” หรือจะไม่ตอบก็ได้แค่ทำตามที่เขาบอกก็พอ
แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย ผ่านด่านได้แล้วค่ะ
ข้อแนะนำคือพยายาม ตอบให้ตรงคำถาม สั้น ๆ ได้ใจความ และที่สำคัญทำใจสบาย ๆ เตรียมตัวให้พร้อม ขอแค่ไม่ทำผิดกฎอะไร เราก็สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ทั่วโลกแล้วค่ะ
อยู่ที่ไหนในโลกก็โทรกลับไทยได้ในราคาสุดคุ้ม ถ้าไปเที่ยวระยะสั้น ซิม Go Inter (ซิมโรมมิ่ง) ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คุ้มค่า แวะที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ก่อนเดินทางได้เลย หรือ เช็คโปรโมชั่นบริการข้ามแดนอัตโนมัติ หากต้องการนำเบอร์ปัจจุบันไปใช้ที่ต่างประเทศค่ะ
ช่องทางและวิธีการตรวจสอบ ค่าบริการ แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ด้วยตัวเอง
วิธีการเช็กเน็ตดีแทค และข้อมูลการใช้งาน
โทรศัพท์ราคาไม่เกิน 1,000
มัดรวมมาให้ 6 โทรศัพท์ราคาไม่เกิน 2,000 บาท น่าซื้อปี 2022
โทรศัพท์มือถือ Samsung ราคาไม่เกิน 3,000
แนะนำมือถือราคาไม่เกิน 4,000 บาท ถ่ายภาพสวย แบตอึด สำหรับย้ายค่ายเบอร์เดิม
แนะนำ 5 โทรศัพท์ราคาไม่เกิน 5,000 บาท เงินครึ่งหมื่นก็ซื้อโทรศัพท์ระดับเทพได้!
5 รุ่นมือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาทรุ่นท็อปจากดีแทค ที่มีครบทุกฟังก์ชั่น ในราคาสุดพิเศษ