สปีกอิงลิช เมื่อเช็คอินโรงแรม สปีกอิงลิช เมื่อเช็คอินโรงแรม
มัชชี่

มัชชี่

25 มิถุนายน 2562

SHARE THIS

How to เช็คอิน การจองโรงแรมที่พักเป็นภาษาอังกฤษ - LIV

เวลาไปเที่ยวต่างประเทศบางทีก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีการพูดคุยกับพนักงานโรงแรมบ้าง วันนี้เราเลยมีคำศัพท์และบทสนทนาสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ มาฝากกัน ตั้งแต่การจองห้อง การถามถึงบริการต่าง ๆ ในโรงแรม การเช็คอิน-เช็คเอาท์ และการร้องเรียนเวลามีปัญหาค่ะ

จองห้องพัก

สมัยนี้เราอาจชินกับการจองห้องพักล่วงหน้าออนไลน์ แบบพอไปถึงโรงแรมก็แค่ยื่นพาสปอร์ตให้พนักงานเป็นอันจบ แต่ใครจะรู้ ไม่แน่วันดีคืนดีเราอาจต้องจองห้องพักโดยตรงด้วยตัวเองก็ได้ ดังนั้นรู้บทสนทนาพื้นฐานไว้เป็นดีที่สุดค่ะ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักประเภทห้องพักกันสักนิด
Single Room เตียงเล็กสำหรับ 1 คน
Double Room เตียงใหญ่สำหรับ 2 คน
Twin Room เตียงคู่สำหรับ 2 คน
Triple Room ห้องสำหรับ 3 คน
Family Room ห้องสำหรับครอบครัว 4-5 คน
Suite อ่านว่า “สวีท” ส่วนมากคือห้องขนาดใหญ่ที่มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือบางทีก็มีห้องครัวเล็ก ๆ ให้ด้วย

คำศัพท์ที่พบบ่อย
Wake-up Call บริการโทรปลุก
Dry-cleaning Service บริการซักแห้ง
Room Service บริการเสิร์ฟอาหารถึงห้อง
Shuttle Service บริการรับส่งที่สนามบิน
Fully Booked ห้องเต็มหมด

ที่นี้ก็มาถึงตัวอย่างบทสนทนาเวลาจองห้องพักกันค่ะ
“Hi I’d like to make a reservation for the 5th of December for 3 nights, please.”
“สวัสดีค่ะ ขอจองห้องพักในวันที่ 5 ธันวาคม เป็นเวลา 3 คืนค่ะ”

“What kind of room are you looking for?”
“ได้เลยครับ ไม่ทราบว่าต้องการห้องประเภทไหนครับ”

“I would like a triple room, please.”
ห้องสำหรับ 3 คนค่ะ

“We do have one triple room available on those dates. It’s 195 dollars a night.”
“เรามีห้องว่างสำหรับ 3 ท่านในวันดังกล่าวพอดี ค่าห้องอยู่ที่คืนละ 195 เหรียญ”

“Yes, that’s fine.”
“ได้ค่ะ”

“May I have your name, please?
“ขอทราบชื่อด้วยครับ”

“It’s + ชื่อ นามสกุล” (ถ้าเป็นการโทรจองต้องสะกดให้เขาทีละตัวช้า ๆ แต่ถ้าไปจองด้วยตัวเองก็แค่ยื่นพาสปอร์ตให้ไปค่ะ)

“Thank you. Can I take a credit card from you to make the booking?”
“ขอบคุณมากครับ ผมขอบัตรเครดิตเพื่อใช้ในการจองด้วยครับ” (ถ้าเป็นการโทรจอง เขาอาจขอเป็นที่อยู่/เบอร์โทรศัพท์แทน)

“Yes, of course. Here you are.”
“ได้เลยค่ะ อยู่นี่ค่ะ”

“Ok, that’s all finished. Is there anything else I can help you with?”
“เรียบร้อยแล้วครับ ไม่ทราบว่าต้องการความช่วยเหลือด้านอื่นอีกมั้ยครับ”

“Can I have a confirmation emailed to me?”
“ไม่ทราบว่าจะช่วยส่งอีเมล์ยืนยันมาให้หน่อยได้มั้ยคะ” (หากเป็นการโทรจอง แนะนำให้ขออีเมลคอนเฟิร์มทุกครั้งถ้าเป็นไปได้นะคะ เวลาเช็คอินจะได้ราบรื่น)”

“Yes, what’s the email?”
“ได้เลยครับ ขอทราบอีเมลด้วยครับ”

“It's +
อีเมลของคุณ”

“I'll send that over to you now.”
“ผมจะส่งไปให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”

“Excellent”
“เยี่ยมมากเลยค่ะ”

“You’re welcome. We look forward to seeing you.”
“ด้วยความยินดีครับ หวังว่าจะได้เจอคุณเร็ว ๆ นี้”

“Thank you, good bye.”
“ขอบคุณมาค่ะ สวัสดีค่ะ”

ในกรณีที่ห้องแบบที่ต้องการไม่ว่าง

“I'm sorry but we don't have any triple rooms available on those dates. I can offer you a family room which has four beds, would that work for you?”
“ขอโทษด้วยครับ แต่ห้องสำหรับ 3 ท่านเต็มหมดแล้วในช่วงวันดังกล่าว เรามีห้องสำหรับครอบครัวที่มี 4 เตียง ยังว่างอยู่ ไม่ทราบว่าต้องการมั้ยครับ”

“That could work, how much is it?”
“ก็อาจจะได้ค่ะ ราคาเท่าไรคะ”

“It's a 220 dollars per night.”
“220 เหรียญต่อคืนครับ”

“That’s more expensive than the triple. Is there any way you can offer a discount?”
“แพงกว่าห้อง Triple ไม่ทราบว่าพอมีส่วนลดอะไรมั้ยคะ”

“I’m sorry. It's a holiday period and we don’t offer any discount during that time.”
“ต้องขอโทษด้วยครับ ช่วงนั้นเป็นหน้าท่องเที่ยวพอดี เลยไม่ส่วนลดให้ครับ”

“Ok, then. I'll take it.”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นจองห้องนี้แล้วกัน”

ถ้าห้องเต็มหมด เขาจะใช้คำว่า “Fully Booked” เช่น I'm afraid we don’t have anything free on that date. It's a holiday period and we’re fully booked.”
“เกรงว่าเราไม่มีห้องว่างในช่วงนั้นครับ เพราะเป็นช่วงวันหยุด ห้องพักถูกจองหมดแล้วครับ”

ถ้าเป็นกรณีนี้ก็ต้องหาโรงแรมใหม่หรือเปลี่ยนวันเข้าพักกันต่อไปค่ะ

เช็คอิน

“Hello, welcome to the ABC Hotel.”
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมเอบีซีครับ”

“Hello, I have a reservation. The name is + ชื่อ นามสกุล”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันจองห้องพักที่นี่ไว้ภายใต้ชื่อ…” (เพื่อความสะดวกแนะนำให้ยื่นพาสปอร์ตหรือใบจองที่มีชื่อเต็มของเราให้พนักงานไปเลยค่ะ เพราะต่างชาติจะไม่คุ้นกับชื่อไทยของเรา)”

“I have you in a triple room for 3 nights, is that correct?”
“คุณจองห้องสำหรับ 3 ท่านเอาไว้ ถูกต้องมั้ยครับ”

“Yes, that's right.”
“ใช่ค่ะ”

“Here are your key cards, enjoy your stay.”
“นี่ครับคีย์การ์ด ขอให้มีความสุขกับการเข้าพักที่นี่นะครับ”

“Thank you.”
“ขอบคุณค่ะ”

ถามถึงบริการต่าง ๆ

“I'd like to have a wake-up call tomorrow, if possible."
“อยากให้ช่วยโทรปลุกพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ” (การเติม if possible ความจริงก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าใช้ก็จะดูเป็นคนสุภาพมากค่ะ)”

“What time would you like the call?”
“ไม่ทราบสะดวกให้โทรปลุกกี่โมงครับ”

“7.30, please. Also, I need to go to the airport on Wednesday morning. Do you offer a shuttle service?”
“อีกอย่างคือดิฉันต้องไปสนามบินเช้าวันพุธ ไม่ทราบว่ามีบริการรับส่งสนามบินมั้ยคะ”

“Yes, what time is your flight?”
“มีครับ ไฟลต์กี่โมงครับ”

“It's at 10 a.m. We have shuttles to the airport every hour, so you can take the 8 a.m. shuttle.”
“เรามีบริการรับส่งสนามบินทุกชั่วโมง คุณสามารถเลือกไปรอบ 8 โมงเช้าก็ได้ครับ”

“Perfect, thank you.”
“ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”

เวลาจะถามว่าเขามีบริการอะไรมั้ย ง่ายที่สุดคือให้เริ่มประโยคด้วยคำว่า “Do you offer + ชื่อบริการ” เช่น
“Do you offer 24-hour room service?” (คุณมีบริการเสิร์ฟอาหารที่ห้องตลอด 24 ชม. มั้ยคะ)

หรือให้เริ่มประโยคด้วยคำว่า “I wanted to ask” ก็ดูสุภาพดีค่ะ เช่น “I wanted to ask, what’s the wifi password?” (ไม่ทราบว่าพาสเวิร์ดของไวไฟคืออะไรค่ะ)

“I wanted to ask, is it possible to check out one hour late?” (ไม่ทราบว่าจะขอเช็คเอาท์สายกว่ากำหนดสักหนึ่งชั่วโมงได้มั้ยคะ) “I wanted to ask, what time is breakfast?” (ไม่ทราบว่าอาหารเช้าเริ่มกี่โมงคะ)

เวลามีปัญหาหรือต้องการร้องเรียน

เวลามีปัญหาเราคงหงุดหงิดกันทุกคน แต่เราสามารถแสดงความไม่พอใจแบบสุภาพได้ค่ะ เช่นเริ่มประโยคด้วย “There's an issue with” ตามด้วยปัญหาที่เจอ เช่น “There's an issue with the heating. It’s very hot and I can’t seem to turn it down.” (ระบบทำความร้อนมีปัญหาค่ะ มันร้อนเกินไป พยายามปรับอุณหภูมิลงแล้วก็ทำไม่ได้ค่ะ) หรือ“I think there’s a problem with the heating.” หรือ “Something’s wrong with the heating.”

ถ้าปัญหานั้นใหญ่เกินทนจนอยากร้องเรียน เราสามารถใช้คำว่า “I'd like to make a complaint” ตามด้วยสภาพปัญหา เช่น “I’d like to make a complaint. My room hasn’t been cleaned properly. There is dust everywhere.” (ห้องทำความสะอาดไม่ดีเลย มีฝุ่นเต็มไปหมด) ถ้าอยากเน้นว่ารับไม่ได้จริง ๆ อาจพูดปิดท้ายว่า “I have to say this is unacceptable.” (ปัญหาแบบนี้ดิฉันยอมรับไม่ได้จริง ๆ) หรือ “This sort of thing shouldn't happen.” (ปัญหาแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย)

เช็คเอาท์

“Hi, I'd like to check out, please.”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันต้องการเช็คเอาท์ค่ะ”

“Yes, of course. Here's your bill.”
“ได้เลยครับ นี่ครับบิล”

“That seems fine.”
ถ้ารูดบัตร “Can you put it on my credit card?” หรือ “Can I pay by credit card?”
ถ้าจ่ายเงินสด “I'd like to pay in cash, is that ok?”

หากบิลมีปัญหา

“The total seems higher than I expected. What are these additional charges?”
“ราคาสูงกว่าที่คิด ไม่ทราบว่าราคาที่เพิ่มเข้ามานี่คือค่าอะไรคะ”

“These payments are for the water and the snacks you had from the mini bar, and the phone calls that were made to Thailand.”
“นี่คือค่าน้ำกับขนมจากมินิบาร์ แล้วก็มีค่าโทรไปเมืองไทยด้วยครับ”

“I see now. Yes, that’s fine. I'd like to pay in cash, is that ok?”
“เข้าใจแล้วค่ะ ขอจ่ายเป็นเงินสดได้มั้ยคะ”

จบแล้วค่ะ สำหรับภาษาอังกฤษง่าย ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้หลายสถานการณ์ มีโพยเดียวรับรองเอาอยู่ค่ะ แต่เพื่อความชัวร์ จอง รร. ผ่าน Agoda ไปก่อนดีกว่าค่ะ ลูกค้าดีแทคได้ส่วนลดพิเศษจาก dtac reward ด้วยนะคะ อ้อ! ถ้าจะให้เริ่ด ควรพก SIM GO INTER ซิมสำหรับนักท่องเที่ยวของดีแทคที่ใช้งานได้ทุกทวีป 67 ประเทศทั่วโลกไปด้วย เพราะเดี๋ยวนี้มีเน็ตติดตัวไว้ เวลาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ถ้าต้องการเช็คข้อมูล แชตกับใคร หรืออยากแชร์อะไรก็คล่องตัว สบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ

โปรโมชันแนะนำ

บทความแนะนำ