แนะนำ 6 สายพันธุ์ต้นกระบองเพชรยอดฮิต พร้อมวิธีเลี้ยงสำหรับมือใหม่
ตอนนี้กระแสการปลูกต้นไม้ เติมแต่งพื้นที่สีเขียวให้บ้าน คอนโดฯ กำลังมาแรง ซึ่งต้นไม้ที่นิยมนำมาปลูกก็มีทั้งไม้ดอก ไม้ใบ รวมถึงไม้อวบน้ำอย่าง ต้นกระบองเพชร หรือแคคตัส ด้วยชื่อเสียงเรื่องความเลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลเยอะ แถมแคคตัสเหล่านี้ยังเป็นพืชที่เหมาะกับอากาศเมืองไทยอีกด้วย ใครสนใจอยากลองเริ่มเลี้ยงแคคตัส มาดูกันว่าสกุลไหนน่าเลี้ยงบ้าง
- สกุลยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium)
- สกุลแอสโตรไฟตัม (Astrophytum)
- สกุลแมมมิลลาเรีย (Mammillaria)
- สกุลโครีแฟนทา (Coryphantha)
- สกุลอิชิโนฟอสซูโลแคคตัส (Echinofossulocactus)
- สกุลโลโฟโฟร่า (Lophophora)
1. สกุลยิมโนคาไลเซียม
เป็นต้นกระบองเพชรสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมเลี้ยงกันอย่างมาก ด้วยรูปทรงกลมและแบ่งเป็นพู สันหนามแยกออกจากกัน สิ่งที่ทำให้ต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบก็คือ สีของต้นที่มีหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะสีของต้นที่เป็นสีด่าง อย่างแคคตายิมโนดำแดง แคคตัสยิมโนสีมัลติ ยิมโนหัวสีเหลือง หรือยิมโนหัวสีแดง เลี้ยงง่ายในสภาพอากาศเมืองไทย แม้โดนแดดจัด ก็ยังสามารถเติบโตได้ดี
2. สกุลแอสโตรไฟตัม
อีกหนึ่งต้นกระบองเพชรที่หลายคนเทใจให้ก็คือ แคคตัสแอสโตรไฟตัม เป็นสกุลแคคตัสที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกาเหนือ แบ่งออกได้อีก 6-7 ชนิด มีทั้งแบบที่มีหนามและไม่มีหนาม ความโดดเด่นของต้นกระบองเพชรสกุลนี้ก็คือ จุดสีขาวที่กระจายไปทั่วต้น ทำให้ดูคล้ายดวงดาว เป็นแคคตัสที่ไม่แตกกอ สามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และออกดอกบนยอดบริเวณตุ่มหนาม
3. สกุลแมมมิลลาเรีย (แมม)
สำหรับแคคตัสสกุลแมมมิลลาเรีย เป็นสกุลที่มีแคคตัสแยกออกไปอีกกว่า 400 ชนิด นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า “แมม” แล้วตามด้วยชื่อของชนิด มีหลากหลายรูปทรงแตกต่างกันออกไป บางชนิดเป็นทรงกลม บางชนิดเป็นทรงกระบอง หรือเป็นทรงแป้นก็มี สามารถขึ้นเป็นต้นเดี่ยวหรือแตกออกเป็นกอก็ได้เช่นกัน จุดเด่นของแคคตัสสกุลนี้ก็คือ ลักษณะของหนามที่ออกมาเป็นกลุ่ม หรือบางชนิดก็มีหนามหนา สานปกคลุมทั่วต้น ทำให้ดูเหมือนมีขนฟูสีขาว ต้นกระบองเพชรสกุลนี้ชอบแดดจัด ๆ และลมถ่ายเท
4. สกุลโครีแฟนทา (ช้าง)
ต้นกระบองเพชรตระกูลโครีแฟนทา คนไทยนิยมเรียกติดปากว่า “ช้าง” ซึ่งมาจากโครีแฟนทาชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Coryphantha Elephantidens ที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากลักษณะของหนามที่ปลายยอดคล้ายงาช้าง สีขาวอมเหลือง ทำให้คนไทยเรียกแคคตัสสกุลนี้ว่าช้างตามไปด้วย ความโดดเด่นของแคคตัสในสกุลนี้คือลักษณะของต้นที่จะเป็นเต้าหลาย ๆ เต้ารวมกัน และมีหนามออกบริเวณด้านบนของเต้า รวมไปถึงดอกของแคคตัสสกุลนี้ก็มีความสวยงาม มีทั้งสีขาวไปจนถึงสีชมพู และมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนที่เลี้ยงต้นกระบองเพชร แถมปลูกง่าย แต่ควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเทดี
5. สกุลอิชิโนฟอสซูโลแคคตัส (คลื่นสมอง)
คนไทยเรียกต้นกระบองเพชรกลุ่มนี้ว่า “คลื่นสมอง” มีถิ่นกำเนิดมาจากเม็กซิโกกลาง แบ่งออกได้อีกกว่า 10 ชนิด ลักษณะที่เด่นชัดเมื่อเห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นแคคตัสคลื่นสมองคือ ลำต้นที่เป็นร่องลึกซ้อนกัน พร้อมทั้งบิดเป็นเกลียวไปมา มองเผิน ๆ ก็ดูเหมือนสมอง ต้นเป็นทรงกลม มีทั้งแบบหนามสั้นและยาว ออกดอกบริเวณยอด ลักษณะของดอกจะมีทั้งสีชมพูแถบขาว หรือเป็นสีขาวล้วน เลี้ยงไม่ยาก แต่ชอบแดดมาก
6. สกุลโลโฟโฟร่า (โลโฟ)
ต้นกระบองเพชรสกุลนี้ถูกเรียกสั้น ๆ ว่า “โลโฟ” ลักษณะของลำต้นจะเป็นต้นที่มีความกลมเตี้ย และอ่อนนุ่ม สามารถขึ้นเป็นต้นเดี่ยวหรือขึ้นเป็นกลุ่มก็ได้ ตุ่มหนามมีลักษณะเป็นขนปุยนุ่มสีขาว อยู่ห่างกัน สามารถออกดอกหลายสี ทั้งสีเหลืองครีม สีชมพู และสีขาว เป็นต้นกระบองเพชรที่เติบโตช้า ชอบแดด และอากาศที่ถ่ายเทได้ดี
วิธีเลี้ยงแคคตัสสำหรับมือใหม่
แม้ว่าต้นกระบองเพชรจะเป็นพืชที่ทนต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย และไม่จำเป็นต้องรดน้ำหรือให้ปุ๋ยบ่อย แต่การจะเลี้ยงแคคตัสให้เจริญเติบโต แข็งแรง มีดอกให้ได้ชม ต้องมีการสังเกตลักษณะของต้นด้วย การเลี้ยงเบื้องต้นควรดูเรื่องน้ำ อากาศ ดิน และแสงแดด
1. การให้น้ำ
แม้แคคตัสจะทนแล้งได้ดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องการน้ำเลย การรดน้ำต้นแคคตัส แนะนำให้นำกระถางไปใส่ไว้ในกะละมังที่มีน้ำ เพื่อให้ดินและรากค่อย ๆ ดูดความชื้นเก็บไว้ โดยตั้งทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนนำกระถางออก แนะนำให้ทำทุก ๆ 3 วัน
2. แสงแดด
ต้นกระบองเพชรชอบแดดจัด แต่แดดในเมืองไทยก็ถือว่าแรงเกินไปสำหรับต้นกระบองเพชรบางชนิด จนทำให้อาจเกิดอาการด่างแดดได้ ดังนั้นใครที่ปลูกไว้นอกบ้าน ควรปลูกให้โดนแดดประมาณ 80 เปอรเซ็นต์ หรือหากปลูกในบ้าน ให้สลับเอาออกไปตากแดด เพราะหากได้แดดไม่เพียงพอ ต้นจะโน้มหาแสง ทำให้ผิดรูปได้
3. อากาศ
ต้นกระบองเพชรสามารถอยู่ในที่อากาศร้อนจัดและเย็นจัดได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ แต่ควรตั้งไว้ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับเกินไป
4. การให้ปุ๋ย
ปุ๋ยที่เหมาะกับการให้ต้นกระบองเพชร หากต้องการให้ออกดอกดี แนะนำให้ใช้ปุ๋ยที่มี Phosphorus (P) สูง แนะนำให้ใช้เป็นปุ๋ยละลายน้ำจะดีที่สุด
มาถึงตรงนี้คงจะเริ่มได้ไอเดียแล้วว่าจะเริ่มเลี้ยงต้นกระบองเพชรสายพันธุ์ไหนดี เพราะแต่ละสายพันธุ์แต่ละสกุลก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามไม่เหมือนกัน ที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงกระบองเพชรก็คือการรู้จังหวะการให้น้ำ การรับแสงแดด และควรวางไว้ในที่แดดส่องถึง
เครดิตภาพ Credit : https://unsplash.com
โปรโมชันแนะนำ
8,990.-
ราคาปกติ 14,990.-(ย้ายค่ายเหลือ 7,490.-)
3,990.-
ราคาปกติ 19,990.-ย้ายค่าย 1,890.-
บทความแนะนำ