สั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษ สั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษ
มัชชี่

มัชชี่

14 พฤษภาคม 2562

SHARE THIS

วิธีการสั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ - LIV

เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ พอเราเดินมาก ๆ เริ่มจะหิวก็อยากหาร้านนั่งทานอะไรอร่อย ๆ ใช่มั้ยคะ วันนี้เรามีวิธีการสั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ

 

ร้านอาหารในต่างประเทศหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 3 ประเภทค่ะ Fast Food Restaurant ร้านฟาสต์ฟู้ดจำพวก McDonald’s หรือ KFC ที่เราต้องบริการตัวเอง Sit-Down Restaurant ร้านอาหารทั่วไปที่มีพนักงานเสิร์ฟให้บริการ Fine Dining Restaurant ร้านอาหารหรู ๆ ที่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าและต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานที่

ส่วนมากเราก็คงใช้บริการของร้านอาหาร 2 ประเภทแรก เลยขอแนะนำวิธีสั่งอาหารในร้านฟาสต์ฟู้ดกับร้านอาหารทั่วไปเป็นหลักนะคะ

เริ่มกันที่ร้านแบบ Fast Food ปกติพนักงานจะเริ่มบทสนทนาด้วยการถามว่าเราอยากสั่งอะไร “Hi, what can I get for you?”

เวลาสั่งอาหารให้เริ่มประโยคด้วย Could I have/I would like/I will get/I will have + อาหารที่ต้องการ เช่น “I would like a big Mac with fries, please”

ทีนี้เขาอาจจะถามต่อว่าจะเอาไซส์ไหน “What size of fries would you like? Large, medium or small?” (อยากรับเฟรนช์ฟรายส์ไซส์ไหน ใหญ่ กลาง หรือเล็ก) ก็บอกไปตามต้องการค่ะ เช่น “Large, please”

บางร้านอาจมีอาหารชุดหรือที่เรียกว่า Combo ที่มีทั้งเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ และเครื่องดื่มในราคาที่ถูกกว่าสั่งแยก ดังนั้น ถ้าเราสั่งเบอร์เกอร์กับเฟรนช์ฟรายส์แล้ว เขาอาจถามว่าเราสนใจจะสั่งเป็นชุดมั้ย เช่น “Would you like to make it a combo for $1 more?” (อยากสั่งเป็นชุดคอมโบมั้ย จ่ายเพิ่มอีกแค่ 1 ดอลลาร์เท่านั้น) ถ้าสนใจก็ตอบว่า “Sure” หรือ “Okay”

ต่อมาเขาจะถามว่าอยากดื่มอะไร “What would you like to drink with that?” สมมติว่าอยากดื่มสไปรท์ ก็ตอบว่า “I will have a Sprite, please”

หลังจากนั้น เขาจะสรุปราคาให้ เช่น “Okay, that comes to $5.25” (ทั้งหมด 5.25 ดอลลาร์) ถ้าอยากจ่ายเงินสดก็ยื่นให้เขาไปค่ะ หรือถ้าต้องการจ่ายเป็นบัตรเครดิตก็อาจถามว่า “Can I pay by credit card?” แค่นี้เป็นอันเสร็จพิธี สามารถยกอาหารไปนั่งหม่ำกันได้เลย

หากเลือกร้านแบบ Sit-down Restaurant หรือร้านแบบมีพนักงานเสิร์ฟให้บริการก็จะมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อยค่ะ

แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเมนูของร้านประเภทนี้กันสักนิด เมนูส่วนมากมักประกอบด้วย

Starters/Appetizers: อาหารเรียกน้ำย่อย ส่วนมากจะเป็นอาหารทานเล่นก่อนเริ่มอาหารจานหลัก

Mains: อาหารจานหลัก พวกสเต๊ก ปลา ไก่ ต่าง ๆ

Sides: อาหารกินคู่กับจานหลัก เช่น สลัด ซุป มันฝรั่งอบ

Desserts: ขนมหรือของหวาน เช่น ไอศกรีม เค้ก

Drinks/Beverages: เครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม เบียร์ ไวน์ ชา กาแฟ

เมื่อมาถึงหน้าร้าน ส่วนมากพนักงานมักจะถามว่าเรามากันกี่คนเพื่อเขาจะได้พาไปนั่งโต๊ะได้ถูก เช่น “Hi, how many people are in your party?” (คำว่า “Party” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงงานเลี้ยงนะคะ แต่หมายถึงจำนวนคนในคณะเราที่มาทั้งหมด) สมมติว่ามากัน 4 คน ก็ตอบว่า “We would like to have a table for 4 people, please” หรือพูดสั้น ๆ ว่า “4 people, please”

สั่งเครื่องดื่ม
หลังจากนั่งที่โต๊ะเรียบร้อย พนักงานจะให้สั่งเครื่องดื่มก่อน เช่น “Can I get you anything to drink?” อยากดื่มอะไรก็บอกเขาไปค่ะ เช่น อยากได้น้ำเปล่า “Could I have/I would like/I will have/I will get a glass of water, please” หรือย่อ ๆ ว่า “Just water, please” ก็ได้ จากนั้นเขาจะยื่นเมนูมาให้เราอ่านระหว่างรอ “Here are your menus. I will be back in a few minutes to take your order” (เมนูค่ะ เดี๋ยวดิฉัน/ผม จะกลับมารับออร์เดอร์นะคะ/ครับ)

เมื่อเรียกเก็บเงินเราจะพูดว่า “Could we have the bill, please?” หรือ “Bill, please” หรือ “Check, please” ไม่พูดว่า Check Bill หรือ เช็คบิล นะคะ เพราะมันซ้ำซ้อนกันค่ะ

สั่งอาหาร
เมื่อพนักงานกลับมาอีกครั้งพร้อมเครื่องดื่ม เขาก็จะถามว่าเราพร้อมจะสั่งอาหารหรือยัง “Did you decide yet?” (ตัดสินใจได้หรือยังคะ/ครับ) ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสั่งอะไรก็บอกว่า “We are not ready yet, could you give us a few more minutes?” (เรายังไม่พร้อมค่ะ ขอเวลาอีกสัก 2-3 นาทีได้มั้ย”) หรือถ้าพร้อมแล้วก็บอกว่า “We are ready to order now” “Okay, what would you like?” (จะรับอะไรดีคะ/ครับ) ตอบด้วย Could I have/I would like/I'll have + ชื่ออาหาร เช่น “Could I have the tomato soup to start, and the roast beef with mashed potatoes and peas” (ขอซุปมะเขือเทศก่อนแล้วตามด้วยเนื้ออบกับมันฝรั่งอบและถั่วค่ะ) หรือ “I'll just have the fish, with potatoes and a salad.” (ขอปลากับมันฝรั่งและสลัดค่ะ)

ถ้าสั่งเนื้อวัวเขาจะถามเพิ่มว่าอยากกินสุกระดับไหน เช่น ดิบ ปานกลาง หรือสุกเลย “How do you want the beef — rare, medium or well done?” สมมติว่าชอบกลาง ๆ ก็ตอบว่า “Medium, please” 

ถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหาร
เช่น Is this dish suitable for vegetarians? (อาหารจานนี้เหมาะกับคนกินมังสวิรัติมั้ยคะ) หรือ Is this a vegetarian dish? (จานนี้เป็นอาหารมังสวิรัติมั้ยคะ) หรือ Does this dish contain nuts/shrimps? (จานนี้มีถั่วหรือกุ้งมั้ยคะ)

อยากสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม
ถ้าอยากสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม ให้บอกว่า “Could I have another glass/bottle of water, please?” (ขอน้ำเพิ่มอีกแก้ว/ขวดค่ะ) หรือ “Could you bring me another glass/bottle of water, please?” หรือง่าย ๆ ก็ชี้ไปที่แก้วเครื่องดื่มเก่าแล้วบอกว่า “Same again, please”

มีปัญหาเกี่ยวกับอาหารที่สั่งไป
ถ้าได้รับอาหารไม่ตรงกับที่สั่งไป “Excuse me, I didn’t order this” (ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้สั่งจานนี้) หรือ “I’m sorry, I think this may be someone else’s meal” (ขอโทษนะคะ คิดว่าส่งอาหารมาผิดโต๊ะแล้วค่ะ)

กรณีอยากได้บริการอื่น ๆ
เช่นต้องการช้อน ส้อม มีด แก้ว เพิ่ม “Excuse me, could I have another spoon/fork/knife/glass, please?” หรือ อาหารไม่ร้อนพอ อยากให้อุ่นเพิ่มอีกหน่อย “Could you heat this up a bit more for me, please?”

เรียกเก็บเงิน
“Could we have the bill, please?” หรือ “Bill, please” หรือ “Check, please” (ไม่พูดคำว่า Check Bill หรือ เช็คบิล นะคะ เพราะมันซ้ำซ้อนกันค่ะ)

ถ้าบิลมีปัญหา
“Could you check the bill for me, please. It doesn’t seem right” (รบกวนช่วยเช็คยอดบิลใหม่ด้วยค่ะ) หรือ “I think you may have made a mistake with the bill” (ฉันคิดว่าคุณคิดราคามาผิดค่ะ)

เป็นอย่างไรบ้างคะ การสั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ เคล็ดลับคือฝึกพูดชื่อเมนูที่เราชอบไว้ให้ชินปาก เวลาสั่งจะได้ไม่เคอะเขิน หรือก่อนไปเที่ยวอาจจะหาร้านที่มีเมนูและบรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศไปลองซ้อมกันดูก่อนก็ไม่เลวค่ะ เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับอาหารอร่อย ๆ แล้ว ยังได้ทำตัวให้คุ้นเคยกับเมนูและขั้นตอนในการสั่งอาหารต่าง ๆ ด้วย อย่าง ร้าน Le Boeuf (เลอ เบิฟ) สเต๊กเฮ้าส์ที่โดดเด่นด้วยสเต๊กชั้นดี พร้อมซอสสูตรลับแสนอร่อย สลัดผัก และเฟรนช์ฟรายส์ทอดกรอบสีทองน่าทาน ที่นี่นอกจากสเต๊กเนื้อต้นตำรับแล้ว ที่นี่ยังมีสเต๊กเนื้อแกะ สเต๊กปลาแซลมอน และอื่น ๆ มากมายให้เลือกสรร แถมมีเมนูให้เราลองฝึกสั่งครบถ้วน ทั้ง starters, sides, mains, desserts ไปจนถึง drinks บรรยากาศร้านคลาสสิกสไตล์ฝรั่งเศส พิเศษสำหรับลูกค้าดีแทค รับฟรี Gift Voucher 500 เมื่อทานครบ 1,000 บาท และรับส่วนลด 30% พร้อม Special Drink ในเดือนเกิดสำหรับ Blue Member ด้วยนะคะ

โปรโมชันแนะนำ

บทความแนะนำ