Apple คือหนึ่งในแบรนด์ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วโลก ที่นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์แล้ว เรื่องของเทคโนโลยีก็ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ iPhone 13 รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป เพราะมาพร้อมกับชิปอันทรงพลังและ iOS 15 เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สำหรับใครที่อยากรู้ว่า iPhone รุ่นนี้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง ตามไปพิสูจน์พร้อม ๆ กัน
เมื่อพูดถึงตัวเครื่องของ iPhone คงต้องบอกว่าได้มีการอัปเกรดมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง iPhone 13 ด้วยเช่นกัน ที่มีการคัดวัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวเครื่องได้อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าจอ การดีไซน์ขอบให้ดูแข็งแรงขึ้น ไปจนถึงการเรื่องของจอภาพที่ให้สีสันคมชัดสดใส มองเห็นได้ง่ายครบทุกเฉดสี
สำหรับตัวเครื่องของ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อมกับสแตนเลสเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม ส่วน iPhone 13 ใช้อะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศ มั่นใจได้เลยว่าใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ทนมืออย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีการออกแบบขอบแบนที่ทนทาน ใช้งานได้อย่างยาวนาน หมดกังวลเรื่องปัญหาตัวเครื่องไปได้เลย
นอกจากวัสดุที่ใช้ในการผลิตแล้ว ยังมีการเลือกใช้กระจกที่มีความแข็งแรงสูงอย่าง Ceramic Shield และหน้าจอ Super Retina XDR จอภาพ OLED ที่จะช่วยให้ภาพสีสวยสมจริง ให้ความสว่างเพิ่มมากขึ้น 28% สูงสุด 800 ยูนิต มองเห็นง่ายขึ้นเมื่ออยู่กลางแดด ที่สำคัญเลยก็คือ มาพร้อมกับขอบเขตของสี ที่กว้างแบบมาตรฐานโรงภาพยนตร์ ใครที่ชอบดูหนังผ่านสมาร์ตโฟนหรือติดซีรีส์ก็จะสามารถดูได้อย่างเต็มอิ่ม เน้น ๆ เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญ ให้คุณหมดห่วงเรื่องมือถือตกน้ำไปได้เลย เพราะว่า iPhone 13 มาพร้อมกับมาตรฐาน IEC 60529 ทั้งความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่น ที่มีความสามารถในการทนน้ำระดับ IP68 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการเลยทีเดียว
ที่มีการอัปเกรดมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานกล้องหน้า กล้องหลัง ที่มาพร้อมกับเลนส์เทเลโฟโต้ เลนส์อัลตร้าไวด์ เลนส์ไวด์ พร้อมระบบกล้อง TrueDepth ที่ให้ความโปรยิ่งกว่าเดิมด้วยโหมดภาพยนตร์ ที่รองรับ HDR ในแบบ Dolby Vision สไตล์ภาพถ่าย โหมดภาพถ่ายบุคคล เซลฟี่โหมดกลางคืน อีกทั้งยังมาพร้อมกับการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ที่ล้ำไปอีกขั้น พร้อมซอฟต์แวร์คุณภาพที่ทำให้คุณสามารถใช้เทคนิคใหม่ ๆ ได้คล่องยิ่งขึ้น
ด้วยพลังของชิป A15 Bionic ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับความเร็วของเครื่อง ยกระดับกล้องให้สามารถใช้งานได้อย่างเหนือระดับ อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถในการปกป้องความเป็นส่วนตัว ช่วยในการล็อกข้อมูลส่วนตัวของคุณเอาไว้อย่างแน่นหนา
ด้วย CPU จากชิป A15 Bionic ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ในการใช้งาน ทำให้ iPhone 13 ของคุณสามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น พร้อมกับรองรับการชาร์จแบบไร้สายทั้ง MagSafe และ Qi หรือการชาร์จจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB หรืออะแดปเตอร์แปลงไฟ โดยสามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที 11 วินาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20 วัตต์ หรือสูงกว่านั้น
ยกระดับการใช้งานบนย่านความถี่ 5G ที่ให้คุณสามารถใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสตรีม ดาวน์โหลด หรืออัปโหลด ก็จะสะดวกยิ่งกว่าเดิม และด้วยโหมดข้อมูลอัจฉริยะของ iPhone ที่จะช่วยปรับลดระดับความเร็วอย่างอัตโนมัติ เพื่อประหยัดพลังงานในการใช้งาน ช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวขึ้น
5G จากดีแทค พร้อมพาคุณเปิดรับประสบการณ์ใหม่กับ iPhone 13 เพื่อคุณโดยเฉพาะ เตรียมตัวรับโปรโมชั่นจองมือถือ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro ราคาพิเศษ กับแพ็กเกจที่ดีที่สุดจากดีแทคในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ติดตามได้ที่หน้าเว็บของดีแทคได้