โปรโมชั่นสมาร์ทโฟน

LIV

STARTUP

Hammer & Nails ร้านทำเล็บสำหรับหนุ่ม ๆ

ในขณะที่สาว ๆ สามารถหาร้านทำเล็บได้ง่ายพอ ๆ กับการมองหาเซเว่นหน้าปากซอย หนุ่ม ๆ จำนวนไม่น้อยได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ เพราะจะหาร้านที่ให้บริการทำเล็บชายนั้นช่างยากเย็นดุจงมเข็มในมหาสมุทร

หลายคนอาจถามว่าแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน? ผู้ชายเขาไม่สนเรื่องแบบนี้หรอก โน่น! พาไปสนามบอลให้วิ่งเล่นหน่อยเดียวก็เพลินแล้ว ถ้าเล็บยาวก็แค่มีกรรไกรตัดเล็บ ปูหนังสือพิมพ์นั่งหน้าทีวี ตัดไปเชียร์บอลไป นี่สิ! วิถีชายที่ควรเป็น

แต่คุณคะ โลกเรามันเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เพราะความปรารถนาจะดูดีไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะคุณสุภาพสตรีอีกต่อไป

ทุกวันนี้ตลาดสินค้า Men’s Grooming โตวันโตคืน ทั้งของใช้ในห้องน้ำ ไปจนถึงที่ครีมบำรุงผิว แป้งพัฟ คอนซีลเลอร์ บรอนเซอร์ มาส์กหน้า ‘Manscara’ ปัดแต่งขนตาคุณผู้ชาย เจลแต่งคิ้ว ฟิลเลอร์เติมหนวด ฯลฯ

ในอเมริกาประเทศเดียวตลาดนี้มีมูลค่าถึงปีละ 2 หมื่นล้าน และคาดว่าตลาดทั่วโลกน่าจะมูลค่าทะลุ 4.3 แสนล้านเหรียญภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เดี๋ยวนี้ผู้ชายจะชอบทำเล็บมากขึ้น และหนึ่งในนั้นคือ ไมเคิล เอลเลียต หนุ่มใหญ่วัย 50 อดีตนักเขียนบทหนังมือดีแห่งฮอลลีวูด เจ้าของผลงานอย่าง Brown Sugar และ Just Wright

เครดิต: https://hammerandnailsgrooming.com/

Pain Point ปัญหา หรือ ของไมเคิลเมื่อเข้าร้านทำเล็บก็คือ การเป็นชายฉกรรจ์ผิวสี ร่างสูงใหญ่ ทำให้มักตกเป็นเป้าสายตาของสาว ๆ ที่เงยหน้ามองมาอย่างระแวดระวัง ให้ความรู้สึกผิดที่ผิดทางชวนกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขาได้แต่หวังว่า สักวันจะมีใครเปิดร้านทำเล็บสำหรับผู้ชายขึ้นสักที เผื่อว่าเขาและชายหนุ่มทั้งหลายจะสามารถเชิดหน้า เดินอกผายไหล่ผึ่ง เข้าไปกรีดมือทำเล็บแบบแมน ๆ กับเขาบ้าง

หลังจากรอมานานสองนาน ไม่เห็นมีใครทำสักที เขาก็เลยตัดสินใจทำเอง โดยเปิดร้านทำเล็บสำหรับผู้ชายชื่อ Hammer & Nails ขึ้นในลอสแองเจลิส เมื่อ 4 ปีก่อน

ก่อนจะเริ่มกิจการ ไมเคิลก็ทำการบ้านมาบ้างโดยพบว่า กว่า 25% ของชายอเมริกันวัย 18-34 ปี เคยใช้บริการทำเล็บมาแล้ว แต่ส่วนใหญ่ต้องเข้าร้านผู้หญิง เพราะถึงซาลอนชายแบบไฮเอนด์จะมีบริการทำเล็บอยู่บ้าง ก็มักจะเป็นมุมเล็ก ๆ และเจาะกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก ราคาเลยแพงลิบลิ่ว ไม่เหมาะกับคนธรรมดาทั่วไป

จุดขายของร้าน Hammer & Nails จึงเน้นให้บริการทำเล็บแบบมืออาชีพสำหรับผู้ชาย ในราคาสบาย ๆ พร้อมบรรยากาศผ่อนคลายแบบแมน ๆ

การตกแต่งร้านเน้นโทนขรึม เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม เก้าอี้หนังอาร์มแชร์ตัวใหญ่มี ทีวีส่วนตัวพร้อมหูฟัง ให้นั่งทำเล็บไป ดูรายการโปรดไป แถมยังได้ละเลียดสก็อตช์วิสกี้เบา ๆ คนละ 1 แก้วด้ว เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อนของผู้ชายโดยแท้ สนนราคาเริ่มต้นที่ 23 เหรียญ สำหรับทำเล็บมือ ถ้ารวมเล็บเท้าด้วยก็ 55 เหรียญ แต่หากสมัครสมาชิกก็จะได้ส่วนลด 20%

เครดิต: https://hammerandnailsgrooming.com/

เปิดร้านได้ไม่นาน ไมเคิลก็สมัครไปออกรายการเรียลลิตี้ชื่อดังอย่าง Shark Tank ที่ให้สตาร์ทอัพหน้าใหม่นำเสนอไอเดียธุรกิจ ถ้านักลงทุนชอบไอเดียไหนก็จะเสนอเงินลงทุนให้ โดยไมเคิลกะว่าจะขอเงินทุนสัก 2 แสนเหรียญมาทำระบบแฟรนไชส์แต่ปรากฏว่าไม่มีนักลงทุนคนไหนซื้อไอเดียของเขาเลย เพราะคิดว่ามันเร็วไปสำหรับเขาที่ริจะขายแฟรนไชส์ตอนนี้

แต่หลังจากออกอากาศ มีคนดูกว่า 800 คน ติดต่อเข้ามาขอข้อมูลทำแฟรนไชส์ ทำเอาไมเคิลตั้งตัวไม่ติดเพราะยังไม่มีระบบอะไรเป็นรูปเป็นร่าง เขาเลยเสนอให้คนดูเป็นนักลงทุนเสียเลย สรุปมีคนดูที่อัพสถานะเป็นนักลงทุนทั้งหมด 7 คน มี 6 คน ที่ลงทุนคนละ 2.5 แสนเหรียญ แลกกับหุ้นคนละ 2.5% ส่วนอีก 1 คนลงทุน 5 แสน ได้หุ้นไป 5%

ไมเคิลเอาเงินนั้นมาจ้างคนทำระบบและเริ่มขายแฟรนไชส์เมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนนี้ขายไปได้ 232 ไลเซนส์ โดยจะทยอยเปิดร้านให้ได้ 10 ร้านภายในสิ้นปี และ อีก 220 ร้านภายใน 5 ปี ค่าแฟรนไชส์คิดที่ร้านละ 39,000 เหรียญ บวกส่วนแบ่งรายได้อีกปีละ 6%

ถึงจะใช้เงินลงทุนไม่น้อย แต่ตัวเลขทางการตลาดก็ดูเย้ายวนให้คนอยากมาซื้อไลเซ่นส์ เช่น ซาลอนกว่า 80% ในปัจจุบันยังไม่มีบริการสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ทั้ง ๆ ที่ลูกค้าชายนั้นจัดเป็นลูกค้าที่มีความจงรักภักดีสูง และเวลาไปสปา บริการสุดฮิตที่หนุ่ม ๆ ชอบมากที่สุดคือ การทำเล็บเท้า (37%) ตามด้วย การทำเล็บมือ (33%) ดังนั้น ตลาดนี้น่าจะมีโอกาสเติบโตอีกสูง เพราะมีดีมานด์แต่ขาดซัพพลาย

ผลงานจากร้านต้นแบบที่แอลเอก็พอจะพิสูจน์ถึงเทรนด์นี้ได้ เพราะปีที่แล้วปีเดียว ร้านทำเล็บเล็ก ๆ แห่งนี้ทำเงินได้ถึง 350,000 เหรียญ ซึ่งไมเคิลคาดว่าสาขาใหม่ ๆ ที่อัพเกรดให้มีบริการทำผมด้วย น่าจะทำเงินได้มากถึง 6-9 แสนเหรียญต่อปีสบาย ๆ

ถ้าทำได้จริง ในอีก 5 ปีข้างหน้า Hammer & Nails ก็จะมีเงินสะพัดในระบบประมาณปีละ 140 ล้านเหรียญ (200 สาขา เฉลี่ยรายได้สาขาละ 7 แสน) และเมื่อหักส่วนแบ่ง 6% ไมเคิลก็จะได้เงินเข้ากระเป๋าเหนาะ ๆ ปีละ 8 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ซึ่งน่าจะเป็นการหักหน้าบรรดานักลงทุนใน Shark Tank ได้ไม่น้อยเลย

บ้านเรายังหาร้านทำเล็บชายได้ยาก หนุ่ม ๆ ก็ต้องตีเนียนเข้าร้านเล็บกับคุณผู้หญิงไปพลาง ๆ แต่ไม่เป็นไรนะคะ เพราะดีแทคมี ส่วนลดและสิทธิพิเศษจาก dtac reward สำหรับร้านทำเล็บทั่วประเทศ ไว้ปลอบใจระหว่างที่รอร้านทำเล็บชายเกิดขึ้นจริงในไทยค่ะ

บทความนี้ดัดแปลงจากต้นฉบับของผู้เขียนที่ตีพิมพ์ในคอลัมน์ “สตาร์ทอัพ ปัญหาทำเงิน” ของ นสพ. ประชาชาติธุรกิจ