ที่เที่ยวสิงคโปร์ และ 8 เรื่องต้องทำ ที่ Jewel Changi Airport - LIV | dtac

1. HSBC RAIN VORTEX เรียกว่าเป็นไฮไลต์อันดับหนึ่งที่ดึงดูดทุกคนให้ต้องพุ่งตัวมาทันที ด้วยความสูงกว่า 40 เมตรที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้าง จนได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก ทำลายสถิติเดิมที่เคยเป็นของน้ำตกในโดม Cloud Forest ที่ Gardens by the Bay ซึ่งอยู่ในประเทศสิงคโปร์เช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น น้ำตกขนาดใหญ่นี้ไม่ได้มีมุมให้ถ่ายรูปแค่มุมเดียว สามารถถ่ายได้ทั้งแบบใกล้ แบบไกล ชั้นบน ชั้นล่าง ต้องเก็บให้ครบ แล้วโพสต์ให้โลกรู้แบบรัวๆ กันไปเลย และถ้าใครมีโอกาสแลนดิ้งมาช่วงค่ำๆ ก็อย่าลืมแวะมาเก็บบรรยากาศของการแสดงแสงสีที่บริเวณนี้ด้วย โดยจะเริ่มแสดงทุก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืน

2. CANOPY MAZE (CANOPY PARK) เพิ่มพื้นที่สีเขียวยังไงให้โลกจำ ก็ต้องโซนสวนป่าขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เป็นเหมือนเขาวงกตบนชั้นบนสุดของ Jewel ตรงนี้แหละ รับรองว่ามาแล้วจะได้มากกว่าการพักผ่อน เพราะคุณจะได้สนุกกับสไตล์การออกแบบที่ออกแบบโดยผู้ก่อตั้งและประธานแห่ง Adrian Fisher Design บริษัทที่สร้างเขาวงกตที่ใหญ่ที่สุดในโลก เท่านี้ก็การันตีได้แล้วจะน่าตื่นเต้นแค่ไหน

เครดิต: http://www.changiairport.com

3. CANOPY BRIDGE ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการมาเดินห้างหรู ๆ แห่งนี้จะมีพื้นที่ให้เราได้เดินผจญภัยบนตาข่ายผืนยักษ์แบบนี้ด้วย ซึ่งตาข่ายยักษ์นี้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ Manulife Sky Nets – Walking สะพานตาข่ายบนความสูง 25 เมตร ชวนให้น่าหวาดเสียวจนไม่กล้ามองลงไปข้างล่างกันเลย และอีกส่วนคือ Manulife Sky Nets – Bouncing ตาข่ายยักษ์ความยาวกว่า 250 เมตร ที่ท้าคนกล้ามาพิสูจน์ความตื่นเต้นด้วยตัวเอง

4. POKEMON CENTER SINGAPORE ข่าวดีของเหล่าเทรนเนอร์ไทย ต่อไปนี้เราไม่ต้องไปจับน้องโปเกม่อนไกลถึงประเทศญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าโปเกม่อนแสนน่ารักได้ออกมาเผยโฉมแบบตัวเป็น ๆ นอกประเทศญี่ปุ่น และถึงคุณจะไม่ใช่เทรนเนอร์ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะเวียนไปชมความน่ารักที่โปเกม่อนเซ็นเตอร์แห่งนี้สักครั้ง

เครดิต: https://nintendosoup.com

5. CHANGI EXPERIENCE STUDIO อีกหนึ่งความล้ำของ Jewel ที่จะพาทุกคนเข้าไปสัมผัสกับโลกใหม่ผ่านเกมแบบอินเทอร์แอคทีฟ ซึ่งที่นี่เองที่จะพาเราเข้าไปเรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของสนามบินชางงีแบบทุกซอกทุกมุม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสนามบินชางงีถึงมีชื่อเสียงโด่งดังจนติดอันดับโลก และได้รับการจัดอันดับเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 7 ปี

6. FOOD VARIETY เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง และ Jewel Changi Airport ก็ได้ยกร้านอาหารชื่อดังเกือบทุกมุมของโลกมาไว้ที่นี่ มีให้เลือกตั้งแต่ชั้น B2 ไปถึงชั้นบนสุด ใครเล็งร้านไหนไว้ก็ต้องใจเย็น ๆ กันสักหน่อย เพราะทั้งคนและคิวเยอะพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ได้มากกว่าการกินของอร่อย ก็คือบรรยากาศของร้านอาหารที่มีฉากหลังเป็นน้ำตก Rain Vortex นั่นเอง

7. YOTELAIR Singapore Changi Airport สักครั้งในชีวิตที่ต้องมาเช็คอินเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ กับห้องพักที่เตรียมรองรับไว้มากถึง 130 ห้อง ส่วนเรื่องความสะดวกสบายเรียกว่าสบายใจได้ตามมาตรฐานระดับโรงแรมชั้นนำ เพิ่มเติมคือได้เวลาเพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าจะตกเครื่องหรือไม่มีเวลาช้อปปิ้ง

8. CHANGI AIRPORT SKYTRAIN นี่สิถึงจะเรียกว่าที่สุดของไฮไลต์สำหรับการมาที่ Jewel Changi Airport ของจริง เพราะรถไฟขบวนนี้จะพาคุณผ่านน้ำตกแบบใกล้สุด ๆ ซึ่งมีข้อแม้เดียวที่คุณจะได้นั่งรถไฟขบวนนี้ นั่นคือคุณจะต้องเป็นผู้โดยสารที่ผ่านด่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้วเท่านั้น ซึ่งรถไฟจะวิ่งระหว่าง Terminal 2 และ Terminal 3

สำหรับวิธีการเดินทางเข้าไปยัง Jewel Changi ผู้ที่ไปเที่ยวสิงคโปร์แล้วมีเวลา ถ้าแลนดิ้งแล้วยังไม่อยากเข้าเมืองเลย ก็สามารถลากกระเป๋าข้ามไปเดินเล่น โดยถ้าลงที่ Terminal 2 เมื่อรับกระเป๋าเดินออกมาก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตามป้ายไปได้เลย ถ้าลงที่ Terminal 1 จะง่ายกว่าเพราะสามารถเดินผ่านทางเชื่อมเข้าไป

กรณีที่แวะมาก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย ก็สามารถนั่งรถไฟ MRT มาขึ้นที่สถานี Changi Airport Station (CG2) แล้วเดินผ่านทางเชื่อมเข้าไปได้เลย ที่พิเศษก็คือที่ชั้นใต้ดินของ Jewel Changi จะมีจุดเช็คอินล่วงหน้า (Early Check-in) ให้ ถ้าไม่อยากลากกระเป๋าก็ไปทำเรื่องเช็คอินแล้วโหลดกระเป๋าเดินเล่นสบาย ๆ ได้เลย

ส่วนการถ่ายภาพใน Jewel Changi การจะเก็บภาพน้ำตกมุมกว้างให้ได้ครบและสวยงามที่สุด อย่าลืมพกสมาร์ทโฟนที่มีเลนส์ Ultra-Wide และเลนส์ Telephoto อย่าง Samsung Galaxy S10/S10+ ไปเป็นมือถือคู่ใจ เพราะนอกจากช่วยให้เก็บภาพน้ำตกมุมกว้างแล้ว เวลาอยู่ในบางจุดที่มีนักท่องเที่ยวปริมาณมหาศาลแล้วเลนส์ซูมจะช่วยให้ถ่ายภาพแบบไม่ติดคนอื่นได้ด้วย