โปรโมชั่นสมาร์ทโฟน

growth mindset, กรอบความคิดแบบเติบโต, การพัฒนาตัวเอง growth mindset, กรอบความคิดแบบเติบโต, การพัฒนาตัวเอง

LIV

MELLOW

ทำไม ‘Growth Mindset’ กลายเป็นคำฮิตในปี 2019

ถ้าพูดถึงคำว่า ‘Mindset’ ทุกคนคงคุ้นเคยและเข้าใจความหมายกันมานานใช่มั้ยคะว่า Mindset = ความเชื่อตั้งต้นที่จะส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา ถ้าเราเชื่อว่าทำได้ ก็มีแนวโน้มจะทำได้มากกว่าที่คิดแต่แรกเลยว่าไม่มีทาง

แต่ในปี 2019 นี้ ต้องยอมรับเลยว่า ‘Growth Mindset’ เป็นคำที่ได้ยินบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะบนเพจหรือเว็บเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ซึ่งมักจะยกเคสของ Microsoft ที่นำไอเดียนี้ไปใช้กับพนักงานแล้วมันเวิร์คสุด ๆ

แล้วสรุปว่า Growth Mindset มันหมายถึงความเชื่อแบบไหนกัน? เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราขอยกคำตรงข้าม ‘Fixed Mindset’ มาเปรียบเทียบ จะได้เคลียร์ชัด เห็นภาพกันไปเลย!

ตามภาพจะเห็นเลยว่าคนที่มี Fixed Mindset ความคิดถูกล็อคอยู่ นั่นเพราะเขาเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ ถูกกำหนดมาแล้ว ไม่สามารถปรับปรุง หรือพัฒนาได้ ถ้าเขาเคยทำสิ่งหนึ่งไม่ได้หรือเคยทำได้ไม่ดี ก็อาจจะไม่ทำอีกเลย เพราะเขาเชื่อไปแล้วว่าเขาไม่มีทางทำมันให้ดีได้ ทำต่อก็ไม่ต่างจากเดิม ต่างจากคนที่มี Growth Mindset ถ้าในสถานการณ์เดียวกันนี้ เขาจะมองความผิดพลาดนั้นเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง ทำไม่ได้ก็ลองใหม่ หรืออย่างน้อยที่สุดก็พยายามทำมันอย่างเต็มที่ที่สุด

ถึงตรงนี้แล้ว ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะความจริงเราทุกคนต่างมี Mindset ทั้ง 2 ด้านนี้อยู่กับตัว ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นด้านไหนในเรื่องอะไร แต่การที่เราเข้าใจตัวเองก็จะช่วยให้เกิดการพัฒนาได้ง่ายกว่า และที่สำคัญมันเปลี่ยนกันได้ ถ้าเราลองเปลี่ยนเรื่องใดเรื่องหนึ่งจาก Fixed > Growth เราจะมีโอกาสก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ง่ายขึ้น

แล้วเปลี่ยนตัวเองให้มี Growth Mindset ได้ยังไง? อย่างแรกให้ลองสำรวจตัวเองก่อนว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เรายังล็อคความคิดตัวเองอยู่ว่ายากไป ทำไม่ได้ ทั้งที่ลึก ๆ ก็อยากทำให้ได้ เช่น อยากวิ่ง อยากอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หรือจะใช้กับเรื่องการทำงานที่ออฟฟิศก็ได้หมด จากนั้นให้ลิสต์ออกมาว่าเราสามารถทำเรื่องนั้น ๆ ให้ดีขึ้น มากขึ้น หรือเก่งขึ้นได้ยังไงบ้าง ค่อย ๆ เริ่มวางแผนขั้นตอนง่าย ๆ และให้เริ่มพูดกับตัวเองว่า ‘คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้’ เช่น

  • วิ่ง: จะตื่นเช้ามาวิ่ง จันทร์ พุธ ศุกร์ วันละ 30 นาที
  • อ่านนิยายภาษาอังกฤษ: เริ่มจากซื้อแนวที่สนใจ อ่านวันละ 2 หน้าก่อนนอนทุกคืน

พอเรามีแพลนแล้ว ก็อย่าลืมจดบันทึกและ Track ความคืบหน้าด้วย เพื่อให้เห็นภาพชัดว่าเรามีการพัฒนาเรื่องนั้นได้จริง ๆ เดี๋ยวนี้มีแอปพวก Habit Tracker มากมายให้โหลด หรือถ้าใช้สมาร์ทโฟนรุ่นที่มีปากกาอย่าง Samsung Galaxy Note 9, Samsung Galaxy Note 10 หรือ iPad ที่มี Apple Pen ก็ช่วยให้สะดวกในการจดบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ และช่วยให้ประเมินผลความก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้แนะนำให้ทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์นะคะ เป็นผลดีกับการสร้างวินัยให้ตัวเองไปอีกทาง ลองดูค่ะ!